เมนู

22. อรรถกถาอุปวาณเถราปทาน


อปทานของท่านพระอุปวาณเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม
ชิโน
ดังนี้.
ท่านอุปวาณเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้า
องค์ก่อน ๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัย แห่งพระนิพพานในภพนั้น ๆ
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ บังเกิดในตระกูล
แห่งคนขัดสน บรรลุนิติภาวะแล้ว เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพาน
เมื่อมนุษย์ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ยักษ์ และคนธรรพ์ทั้งหลาย
ต่างถือเอาพระธาตุของพระองค์มากกระทำพระสถูปสำเร็จด้วยรัตนะทั้ง 7 สูง
7 โยชน์ เขาได้เอาผ้าอุตราสงค์ของตน ซึ่งขาวสะอาดบริสุทธิ์ ผูก
ปลายไม้ไผ่ทำเป็นธงแล้วทำการบูชา. ยักษ์เสนาบดี นามว่า อภิสัมมตกะ
อันเทวดาทั้งหลายแต่งตั้งไว้ เพื่ออารักขาสถานที่บูชาพระเจดีย์ มีกายไม่
ปรากฏ ถือธงในอากาศการทำประทักษิณพระเจดีย์ 3 รอบ. เขาเห็น
ดังนั้นได้เป็นผู้มีใจเลื่อมใสเกินประมาณ ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยว
ไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในพุทธุปบาท-
กาลนี้ ได้นามว่า อุปวาณะ เจริญวัยแล้ว เห็นพุทธานุภาพในคราวทรง
รับมอบพระเชตวันวิหาร เป็นผู้ได้ศรัทธาบวชแล้ว กระทำกรรมใน
วิปัสสนา บรรลุพระอรหัตแล้ว ได้เป็นผู้อภิญญา 6. ในกาลใดความ
ไม่ผาสุกได้มีแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า ในกาลนั้น พระเถระได้น้อมนำน้ำร้อน
น้ำปานะ และเภสัช เห็นปานนั้นเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า. ด้วย
เหตุนั้น พระโรคของพระศาสดานั้นจึงสงบ. พระศาสดาได้ทรงกระทำ
อนุโมทนาแก่ท่าน.

ท่านได้บรรลุอรหัตผล ได้รับตำแหน่งเอตทัคคะอย่างนี้แล้ว ระลึก
ถึงบุพกรรมของตน เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิ
ว่า ปทุมตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. เชื่อมความว่า พระชินเจ้าคือ พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงชนะมาร 5 พระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ถึงฝั่งคือ
โลกิยธรรม และโลกุตตธรรมทั้งปวงในที่นั้น บรรลุถึงที่สุดคือพระ-
นิพพาน ทรงโพลงพระพุทธรัศมีมีพรรณะ 6 ให้สว่างไสวดุจกองเพลิง
ทรงยังสัตว์โลกทั้งปวงให้สว่างไสวด้วยความโชติช่วงคือพระสัทธรรม เป็น
พระสัมพุทธะ คือเป็นผู้ตรัสรู้ดี ทรงปลุกหมู่สัตว์ผู้ตกอยู่ในความหลับ
คืออวิชา ให้ตื่นจากกิเลสนิทราพร้อมทั้งวาสนา ทรงมีพระเนตรเบิกบาน
เต็มที่ ดุจดอกบัวแย้มบาน ทรงปรินิพพาน คือปรินิพพานด้วยกิเลส
นิพาน ถึงสถานที่ใคร ๆ ไม่เห็น.
บทว่า ชงฺฆา ความว่า มีบันไดที่ผูกพันไว้ เพื่อประโยชน์แก่อัน
ตั้งไว้ซึ่งอิฐที่จะพึงก่อในเวลากระทำพระเจดีย์.
บทว่า สุโธตํ รชเกนาหํ ความว่า เราได้ทำผ้าอุตราสงค์ที่บุรุษผู้
ซักผ้าซักดีแล้วที่ปลายไม้ไผ่ แล้วโยนขึ้นไปให้เป็นธง อธิบายว่า ให้ยก
ขึ้นไว้ในอัมพรอากาศ. คำที่เหลือ รู้ได้ง่ายทั้งนั้น.
จบอรรถกถาอุปวสาณเถราปทาน

ตีณิสรณาคมนิยเถราปทานที่ 3 (23)


ว่าด้วยผลแห่งการรับสรณะ 3


[25] เราเป็นคนบำรุงมารดาบิดา อยู่ในนครจันทวดีเวลานั้น
เราเลี้ยงดูมารดาบิดาของเราผู้ตาบอด เรานั่งอยู่ในที่ลับ คิด
อย่างนี้ในเวลานั้นว่า เราเลี้ยงดูมารดาบิดาอยู่ จึงไม่ได้บวช.

โลกทั้งหลายอันความมืดมนอนธการปิดแล้ว ย่อมถูก
ไฟ 3 กองเผา เมื่อเราเกิดแล้วในภพเช่นนี้ ไม่มีใครจะเป็นผู้
แนะนำ.

พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วในโลก บัดนี้พระพุทธศาสนา
กำลังรุ่งเรือง สัตว์ผู้ใคร่บุญอาจรื้อถอนตนขึ้นได้ เราจะรับ
สรณะ 3 แล้วจะรักษาให้ บริบูรณ์ ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำแล้ว
นั้น เราจะพ้นทุคติได้.

เราได้เข้าไปหาท่านพระสมณะชื่อนิสภะ อัครสาวกของ
พระพุทธเจ้าแล้ว ตรัสรณคมน์.

ในครั้งนั้นเรามีอายุได้แสนปี ได้รักษาสรณคมน์ให้บริบูรณ์
ตลอด เวลาเท่านั้น เมื่อกาลที่สุดล่วงไป เราได้ระลึกถึงสรณ-
คมน์ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำแล้วนั้น เราได้ไปสู่ภพดาวดึงส์.

เมื่อเรายังอยู่ในเทวโลก ประกอบแต่บุญกรรม เราอุบัติ
ณ ประเทศใด ๆ เราย่อมได้เหตุ 8 ประการ คือในประเทศ
นั้น ๆ เราเป็นผู้อันเขาบูชาทุกทิศ 1 เป็นผู้มีปัญญาคนกล้า 1
เทวดาทั้งปวงย่อมประพฤติตามเรา 1 เราย่อมได้โภคสมบัติ